วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

BELIEVE : จงลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป

Nick Vujicic

จงลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป

เมื่อคุณเจอกับความล้มเหลว จงอย่ายึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ให้มองทะลุข้อผิดพลาดนี้
เข้าไป เพื่อค้นหาบทเรียนสอนใจ จากนั้นก็เลิกคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา และมุ่งหน้าเดินสู่เป้าหมายต่อไป

เมื่อคุณเผชิญหน้ากับความล้มเหลว ให้ถามตัวเองว่า :
• คุณเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้บ้าง?
• คุณจะปรับปรุงสิ่งใดในคราวหน้า?

หลายครั้งที่เราทำผิดพลาด และเราอาจทำร้ายตัวเองจากเหตุการณ์นี้มากกว่าหนึ่งครั้ง ด้วยการคิด
วนเวียนแต่เรื่องนี้ตลอดเวลา คุณจงสลัดมันทิ้งไป

มองย้อนกลับไปดูประสบการณ์ล้มเหลวที่คุณเขียนไว้ข้างต้น ใช้เวลาเล็กน้อยเขียนออกมาว่า
ตั้งแต่นี้ต่อไป คุณจะมองข้อผิดพลาดเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์แก่ตัวคุณอย่างไรบ้าง

อะไรคือประโยชน์ที่ได้รับจากข้อผิดพลาดนี้?_____________________________________________

คราวหน้า คุณจะทำอย่างไร เพื่อทำให้ประสบการณ์ครั้งนี้เป็นประโยชน์แก่คุณมากขึ้น?_____________

กลับมายืนด้วยขาตัวเอง

ความล้มเหลวคือรางวัลของคนแพ้ ขอให้เดินหน้าต่อไป ถ้าคุณหกล้ม ขอให้ยืนขึ้นใหม่และพยายาม
อีกครั้ง คุณต้องจริงใจและเชื่อมั่นในตัวเองว่าคุณจะทำสำเร็จ อย่าให้ความล้มเหลวหยุดยั้งคุณ
คุณต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ จงเชื่อในคำพูดของคนที่เคยทำพลาดแต่ประสบความสำเร็จมาก่อน
ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ คุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน

ย้อนกลับไปทำใหม่

จงคิดถึงเส้นทางการทำธุรกิจนี้ มีอะไรบ้างที่นำพาคุณไปสู่เป้าหมายได้ แต่คุณกลับเลิกทำมัน
จงเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไป และย้อนกลับไปทำใหม่ ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ และเดินหน้า
พิชิตเป้าหมายให้ได้_____________________________________________________________

ข้อคิดฝากไว้

จงค้นหา ยอมรับ และเฉลิมฉลองศักยภาพที่แท้จริงในตัวคุณ จงเชื่อมั่นว่าคุณเกิดมาพร้อมกับ
ความเก่ง ให้ยึดถือตัวอย่างของคนที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน ถ้าคุณเจออุปสรรคระหว่างทาง
ขอให้ตั้งหลักใหม่ จงสัญญากับตัวเองว่าคุณจะไม่ยอมแพ้ จงเฉลิมฉลองศักยภาพด้านใหม่ๆ
ที่คุณพบในตัวเอง และเดินหน้าพิชิตฝันให้ได้

สรุปหัวข้อเรื่องความเชื่อ

• เขียนชื่อคนที่คุณชื่นชอบมากที่สุด และระบุว่าเขามีบุคลิกภาพอย่างไรบ้าง
• ระบุความคิดของคุณ และพิจารณาว่าคุณจะแก้ไขมันให้เป็นแง่บวกได้อย่างไรบ้าง
• เขียนประสบการณ์ล้มเหลวของคุณที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
• วางกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนความล้มเหลวเป็นเรื่องบวกแทน
• ทำกิจกรรมในหัวข้อ “ย้อนกลับไปทำใหม่”




วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

BELIEVE : ใช้ความเชื่อมั่นนำทาง

ความเชื่อ 

ใช้ความเชื่อมั่นนำทาง

BELIEVE : Embrace What Will Be!

_______________________________________________________________________________





Believe




ข้อคิดสู่ความสำเร็จ


“ถ้าเราทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ เราจะทึ่งในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ” – โทมัส เอดิสัน

ขุมทรัพย์ที่ถูกฝังไว้

เราทุกคนมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่ภายในตัวเอง ความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเรานั้นมีอยู่
อย่างไร้ขีดจำกัด มันจึงขึ้นอยู่กับตัวคุณเองเท่านั้นว่าจะค้นหามันให้เจอได้หรือไม่

ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

“ผมไม่เคยเห็นใครที่เขาไม่มีด้านใดเลยซักด้านหนึ่งที่ดีกว่าผม ทุกคนต่างก็มีเครื่องมือพิเศษของตัวเอง
ซึ่งนั่นก็คือ ศักยภาพในตัว เพียงแต่เราจะหามันพบหรือไม่เท่านั้นเอง” – เบล็ค โรนี่ย์

ถึงเวลาดึงศักยภาพของตัวเองออกมา

จงคิดถึงคนที่คุณชื่นชอบมากที่สุด พวกเขามีคุณสมบัติพิเศษที่ดีอะไรบ้าง?
_______________________________________________________________________________

อะไรคือจุดเด่นหรือความสามารถพิเศษที่ดีที่สุดในตัวคุณ? อะไรคือสิ่งพิเศษที่คุณมี (ไม่ว่าจะเป็น
ชีวิตส่วนตัวหรือในเรื่องงาน) แต่คุณไม่ได้แสดงมันออกมาอย่างเต็มที่?
_______________________________________________________________________________

เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มใช้ความสามารถพิเศษของคุณอย่างเต็มที่ถึงขีดสุด? วันนี้ วันพรุ่งนี้ ปีหน้า หรือวันใด
ก็แล้วแต่ จงตระหนักไว้ว่าวั้นนั้นจะเป็นวันที่คุณค้นพบและเริ่มเข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงในตัวเอง
_______________________________________________________________________________


เชื่อมั่นและก้าวเดิน

ขณะที่คุณกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายของชีวิต คุณอาจสังเกตเห็นคนอื่นหยุดพักระหว่างทาง ท้อแท้
หรือแม้แต่ล้มเลิกกลางคัน นั่นหมายถึง คนเหล่านั้นหยุดเชื่อมั่นในตนเองไปเสียก่อนที่เขาจะไปถึง
เป้าหมาย

จงอย่าปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ ขอให้ยึดมั่นในความจริงที่ว่า คุณมีศักยภาพมากพอที่
จะพิชิตเป้าหมายได้ ในโลกนี้ เราอาจเคยเห็นตัวอย่างของคนที่เจอกับความล้มเหลวในชีวิตมากมาย
หลายพันคน แต่แทนที่พวกเขาจะเชื่อว่าความล้มเหลวเหล่านั้นเป็นผลลัพธ์สุดท้าย พวกเขากลับ
มองเป็นความท้าทายที่เอาชนะได้ ซึ่งทำให้พวกเขามุ่งหน้าทำต่อไป จนประสบความสำเร็จ คุณเอง
ก็สามารถทำเช่นนี้ได้ ถ้าเพียงคุณเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไร-ในแง่ดีหรือแง่ลบ-คุณจะเชื่อสิ่งนั้นในที่สุด คุณจะเริ่มหาข้อยืนยันความ
เชื่อนั้นว่าถูกต้อง ถ้าความเชื่อเหล่านั้นเป็นแง่ลบ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ง่ายๆ ด้วยการ
เปลี่ยนวิธีคิดและให้ความสำคัญกับมันใหม่ เมื่อคุณเปลี่ยนความคิดจากแง่ลบมาเป็นแง่บวกแล้ว
คุณจะพบสิ่งยืนยันใหม่ๆ มากมายรอบตัวคุณที่จะช่วยบอกว่าความคิดใหม่ของคุณนั้นถูกต้องแล้ว
ชีวิตนี้มีเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นมากมาย เพียงแค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จแล้ว

ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

“ผมเคยได้ยินคนพูดว่า ในที่สุด ทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ถ้ามันไม่เป็นเช่นนั้น นั่นก็แสดงว่าจุดสิ้นสุด ยังมาไม่ถึง ความจริงคือ ความสำเร็จในชีวิตคนเราไม่ได้วัดจากสถานการณ์ที่เราพบเจอ หรือสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา แต่ความสำเร็จวัดจากการตัดสินใจของเรา การผลักดันตัวเองในทุกด้าน ความกล้าในตัวเรา และความพร้อม ที่จะเอาชนะอุปสรรคของเรานั่นเอง” – สตีฟ ลันด์

ถ่ายทอดความคิดเป็นตัวหนังสือ

คุณให้ความสำคัญในเรื่องใดในขณะนี้? ในอีก 3 วันข้างหน้าต่อจากนี้ ขอให้คุณถือกระดาษและ
ปากกาติดตัวคุณไปด้วยทุกที่ ในแต่ละชั่วโมง ให้คุณหยุดและใช้เวลาสัก 60 วินาที เขียนสิ่งสำคัญ
ที่คุณคิดขึ้นได้ในชั่วโมงที่ผ่านมาลงในกระดาษ อาจเป็นคำๆ เดียว หรือประโยคเดียวก็ได้ โดยทั่วไป

นี่ถือเป็นวิธีที่ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย คุณอาจต้องใช้เวลานึกพอสมควร ขอให้ทำเช่นนี้เป็นเวลา 3 วัน
และในวันที่ 4 ขอให้กลับมาอ่านทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

ความคิดใดที่เกิดขึ้นในใจคุณบ่อยที่สุดในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา? คุณเห็นว่าความคิดเหล่านั้น
ทำให้คุณเข้าใกล้ความฝันหรือเป้าหมายมากขึ้น หรือพังทลายฝันและเป้าหมายของคุณลงเรื่อยๆ

ถ้าคุณพบว่า ความคิดเหล่านั้นทำลายฝันของคุณ จงปรับทิศทางความคิดของคุณใหม่ ให้คิดใน
แง่บวกแทน และให้จินตนาการว่า คุณจะมีความสุขมากแค่ไหน และชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณ
ทำความฝันให้เป็นความจริงได้ ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ความคิดของคุณจะสะท้อนให้เห็นทางเลือก
ของตัวคุณ ดังนั้น ขอให้คุณเลือกที่จะคิดอย่างชาญฉลาด

ความคิดของคุณที่เกิดขึ้นและสังเกตได้ :________________________________________________

ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะเดินหน้าไปอีกสองก้าว

ส่วนหนึ่งของชีวิต (และส่วนหนึ่งของการพิชิตเป้าหมาย) คือการเรียนรู้ที่จะรับมือกับความล้มเหลว
ได้อย่างดี เมื่อคุณเริ่มต้นลงมือทำแล้ว คุณอาจจะทำผิดพลาด 1 ครั้งหรือมากกว่านั้นในระหว่างทาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ขอให้บอกตัวเองเวลาที่ความผิดพลาดเกิด
ขึ้นว่า นี่เป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้คุณเติบโตและก้าวหน้ามากขึ้น เราสามารถมองเหตุการณ์ที่เกิด
ขึ้นได้มากกว่า 1 แง่มุม บางคนมองหาโอกาสในที่อุปสรรคเกิดขึ้น ขณะที่บางคนมองหาอุปสรรค
ในโอกาสที่มี คุณอยากเป็นคนประเภทไหน

จงเขียนประสบการณ์ล้มเหลวของคุณที่เพิ่งผ่านมาอย่างน้อย 1 เหตุการณ์
_______________________________________________________________________________


ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

“คุณทราบไหมว่า ธุรกิจกับปัญหาเป็นของคู่กัน ทุกคนที่พยายามทำสิ่งที่ยาก จะต้องเผชิญกับอุปสรรค
อย่างเลี่ยงไม่ได้ เบล็คมีหลักปรัชญาที่แฝงแง่คิดดีๆ ให้ผม เขามองว่าธุรกิจคือการแก้ปัญหา ถ้าไม่มีปัญหา เกิดขึ้นระหว่างที่คุณกำลังสร้าง องค์กร ทุกคนในทีมก็จะสบาย แต่จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะทุกคนมีทุกอย่างอยู่แล้ว” – สตีฟ ลันด์

15 ประโยคสำหรับคนที่ ‘ประสบความสำเร็จ’ จะต้องไม่พูด


นอกจากแนวคิดหรือวิถีชีวิตบางอย่าง ที่เราควรทำตามบรรดานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น เพื่อให้เราได้ประสบความสำเร็จเยี่ยงนั้นบ้าง มีอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรศึกษาเอาไว้ นั้นคือ นักธุรกิจเหล่านั้นจะไม่มีวันได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมาเลย

1. “We can’t do that.”

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนและบริษัทประสบความสำเร็จได้ ก็คือความสามารถที่จะแก้ปัญหาให้กับลูกค้า เพราะความต้องการของลูกค้าคือหลักใหญ่สำคัญของการทำงาน ดังนั้น ความสามารที่จะแก้ปัญหานั้นๆ ได้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ก็จะทำให้คุณประสบความสำเร็จเร็วมากขึ้นเท่านั้น

2. “I don’t know how.”

คำว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เหมือนกับการปิดตายหนทางแก้ปัญหานั่นเอง ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จแล้วพวกเขาเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างให้โปรเจ็คต์นั้นๆ ไปถึงเป้าหมายให้ได้ ยกตัวอย่างว่าคุณคงไม่เคยเห็นที่ปรึกษาด้านต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จคนไหน ปฏิเสธที่จะเรียนภาษาอิตาเลี่ยน ทั้งๆ ที่เขาจำเป็นต้องเดินทางไปอิตาลีอยูบ่อยๆ

3. “I don’t know what that is.”

คำแก้ตัวที่ว่าไม่รู้สิ่งนั้น สิ่งนี้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปใส่ใจปัญหานั้นๆ มันไม่ได้ทำให้ปัญหาเหล่านั้นหมดไปหรอก แม้จะเป็นเรื่องดีที่คุณซื่อสัตย์กับคนอื่นที่บอกว่าทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ได้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าต่อด้วยคำว่า “but I’ll find out” (แต่เดี๋ยวจะหาทางทำให้ได้) ซึ่งจะทำให้งานของคุณประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

4. “I did everything on my own.”

คนที่เก่งๆ มักจะรายรอบไปด้วยคนอื่นๆ ที่เก่ง ฉลาด และมีความสามารถ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการให้เครดิตแก่คนอื่นๆ ด้วย ซึ่งในไม่ช้ามันจะกลับมาที่ตัวคุณเอง จำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยคุณหรือจะเกิดผลกับคุณในเวลาต่อมา แล้วคุณจะสามารถหาประโยชน์จากความสำเร็จนี้ได้เอง

5. “That’s too early.”

คุณจะไม่เคยได้ยิน “เบนจามิน แฟรงกิน” หรือคนที่ประสบความสำเร็จอื่นๆ อย่า “สตีฟ จ็อบส์” กล่าวว่า “มันเร็วเกินไปสำหรับผมที่จะ…” เพราะคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะคว้าทุกโอกาสที่มีทันที หรือที่เรียกว่า “at the right place at the right time” และไม่ว่าคุณจะเป็นนกที่ตื่นเช้าหรือนกฮูกราตรีก็ตาม

6. “That’s too late.”

คล้ายกับในข้อที่แล้ว เช่น ถ้าคุณถูกขอให้ไปร่วมดินเนอร์ตอน 3 ทุ่ม เพื่อเพิ่มความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และหากคุณทำได้ให้ไปเลย คุณอาจจะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแต่การสร้างคอนเน็คชั่นระหว่างดินเนอร์เล็กๆ นี้ จะสามารถสร้างความแตกต่างให้กับอาชีพและโปรเจ็คต์หน้าของคุณได้เลย

7. “It’s too bad we couldn’t work together.”

ถ้าความเป็นจริงมันเลวร้ายมาก แต่เราจำเป็นต้องทำงานติดต่อกับคนๆ นั้น ก็ต้องลองหาหนทางทำให้ได้ ซึ่งอาจจะใช้วิธีหาคนที่ชอบพูดคุยสื่อสารมาเป็นคนกลางให้ก็ได้ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะหาหนทางในการทำงานร่วมกับคนพวกนี้ได้ในที่สุด

8. “Let’s catch up sometime.”

ผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้วต่างรู้ดีว่าการนั่งจับผิดใครบางคน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะทำอย่างนั้นย้อนกลับเช่นกัน สิ่งนี้ตั้งอยู่บนไอเดียที่ว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นจะทำงานอย่างหนักและสร้างความสัมพัน์กับเครือข่ายต่างๆ โดยปราศจากวาระซ่อนเร้น

9. “I’m sorry, I’m too busy.”

ถ้าโอกาสมาถึงคนที่ประสบความสำเร็จมักจะลงมือคว้ามันเอาไว้แล้วทำให้มันเป็นจริง แน่นอนว่ามันอาจจะกินเวลายาวนาน และแม้ว่าคุณจะยุ่งวุ่นวายอยู่ก็ตาม แต่ถ้ามันจำเป็นสำหรับการทำงานก็จงรับมันเอาไว้ เพราะกับการที่พูดว่า “ฉันไม่มีเวลา” ก็ไม่ต่างจากการที่พูดว่า “ฉันไม่ต้องการมัน” นั่นแหละ

10. “That was all my idea.”

ประโยคนี้คล้ายกับข้อ 4 คนที่ประสบความสำเร็จจะแบ่งปันความสำเร็จกับคนอื่นๆ นทีมด้วย เพราะไม่มีไอเดียใดหรอกที่คนๆ เดียวจะทำสำเร็จได้ มันมาจากประสบการณ์ที่มารวมกัน จากความใส่ใจและการแบ่งปันไอเดียร่วมกันในทีม การแชร์ความภาคภูมิใจและกำลังใจซึ่งกันละกันเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีงามขององค์กรที่ประสบความสำเร็จแล้ว

11. “I never read books.”

Tom Corley แห่ง Rich Habits พบว่าคนที่มีฐานะส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือมากกว่าคนที่มีฐานะน้อย การอ่านหนังสือสารคดีสามารถช่วยลดความเครียดได้ แล้วยังส่งเสริมพลังแห่งการสร้างสรรค์ได้อีกด้วย

12. “I’m not good enough.”

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ก็คือการเป็นคนที่มั่นใจและให้คุณค่ากับตนเอง การจำกัดความสามารถตัวเอง ก็เหมือนกับการทรยศทั้งกับธุรกิจและชีวิตส่วนตัว

13. “It’s OK.” (over and over)

คนที่ประสบความสำเร็จเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงหรือหยุดจากบางสิ่งหรือบางคนที่มาขัดขวางการทำงานให้บรรลุ มันไม่ใช่ว่า ทุกอย่างพอได้ หรือโอค.ไปเสียหมด ให้รีบกันมันออกไปจากคุณทันที

14. “If our competitors don’t have it, then we don’t need it.”

การเลียนแบบคู่แข่ง อาจจะทำให้ธุรกิจพังพินาศได้ นวัตกรรมที่แท้จริงจะมาจากการพลิกมุมคิด หรือการค้นหาว่าอะไรที่คู่แข่งไม่มีต่างหาก

15. “Time off is for suckers.”

คนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ มักจะเน้นแต่การทำงานในเชิงรุก การไปพักผ่อนกับเพื่อน ครอบครัวบ้าง จะเป็นการชาร์ตพลังงานได้ดี พวกที่ทำงานโหลดมากไปหลายๆ ครั้งไม่ได้ทำงานให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น ควรหาเวลาไปพักผ่อนบ้างซะ แล้วงานก็จะออกมาดีขึ้นเอง
ลองพิจารณาว่าประโยคคำพูดเหล่านี้ เราใช้มันบ่อยๆ หรือไม่ ถ้าเราใช้บ่อยมันเกินไปก็สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติและนิสัยที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานอย่างมาก ดังนั้น หากเริ่มแก้เสียตั้งแต่วันนี้ ก็จะทำให้คุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ในวันข้างหน้า
ที่มา marketingoops,entrepreneur

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

SET GOALS : เขียนสิ่งที่ถูกต้อง




เขียนสิ่งที่ถูกต้อง




จงเขียนสิ่งที่คุณคิดว่าเป็น “วิธีการที่ดีที่สุด” ในการสร้างธุรกิจของคุณเอง อะไรคือสิ่งพื้นฐานที่สำคัญ?
วิธีการทำงานเหล่านั้นควรมาจากประสบการณ์ที่สำเร็จของคุณเอง หรือมาจากคนอื่นที่เคยประสบ
ความสำเร็จมาก่อน เช่น หัวหน้า หรือลูกน้อง ของคุณ จากนั้น ให้ทบทวนคำตอบนี้อีกครั้ง และแปะไว้
ในที่ที่คุณสามารถเห็นได้บ่อยๆ เพื่อที่คุณจะได้ทำสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่อง

เฉลิมฉลองความสำเร็จ

คุณไม่จำเป็นต้องรอให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ก่อน จึงจะเฉลิมฉลองความสำเร็จนั้นได้ อย่าลังเลที่จะเฉลิมฉลองและแสดงความยินดีกับความสำเร็จระหว่างทางของคุณ ฉลองให้กับการ ที่คุณไม่ยอมแพ้ในวันที่มีแต่อุปสรรค ฉลองความกล้าที่ทำให้คุณเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่เห็นแก่ ความสบาย ความสำเร็จรอคุณอยู่ที่ปลายทางที่คุณกำลังเดินมุ่งหน้าไป ดังนั้นจงอย่ายอมแพ้ ฉลองให้กับรางวัลแห่งความพยายามของคุณระหว่างทาง รวมทั้งสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ที่ทำให้คุณเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง

เขียนความสำเร็จและชัยชนะของคุณ ที่คุณเพิ่งทำให้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ข้อคิดฝากไว้

หากคุณปฏิบัติตามสูตรแห่งความสำเร็จนี้ คุณจะเดินตามรอยเท้าของคนที่เคยทำความฝันให้เป็นจริง
ขอให้คุณคาดหวังผลลัพธ์อย่างเดียวกัน สมมติว่าเป้าหมายของคุณอยู่ข้างหน้า ขอให้ปฏิบัติตาม
แบบแผนที่พิสูจน์แล้วว่าคนอื่นเคยใช้แล้วได้ผล และปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ คุณอาจทราบดีว่า ความ
สำเร็จของคุณอาจไม่ได้มาวันนี้พรุ่งนี้ แต่มันจะมาถึงแน่นอน อย่าใส่ใจกับคำวิจารณ์ในแง่ลบของ
คนอื่น เก็บเกี่ยวแต่คำพูดของคนที่สนับสนุนคุณ ขอให้มีความสุขกับเส้นทางสู่เป้าหมายของคุณ
ฉลองให้กับความกล้าหาญ และความสำเร็จที่รอคุณอยู่ไม่ไกล

สรุปหัวข้อเรื่องการตั้งเป้าหมาย

• เขียนเป้าหมายของคุณที่สำคัญที่สุด 3 อันดับแรก
• พิจารณาว่าใครคือคนที่คุณอยากใช้เวลาด้วยมากที่สุด
• เขียนวิธีการทำงานที่ดีที่สุด หรือสิ่งสำคัญพื้นฐานสำหรับธุรกิจนี้
• เขียนความสำเร็จต่างๆของคุณที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

SET GOALS :ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า



ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า



โลกนี้ย่อมจะต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของคุณ หรือเป้าหมายที่คุณวาดฝันไว้ ดังนั้นแล้ว
คุณต้องคลุกคลีกับคนที่มีมุมมองเดียวกันกับคุณ เพราะเขาจะสนับสนุนคุณในทางบวก จงเขียนชื่อ
คน 5 คนที่คุณอยากใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด

คนที่ 1 : _______________________________________________________________________

คนที่ 2 : _______________________________________________________________________

คนที่ 3 : _______________________________________________________________________

คนที่ 4 : _______________________________________________________________________

คนที่ 5 : _______________________________________________________________________

ขณะที่คุณกำลังตรวจสอบคำตอบข้างต้น ขอให้คุณตอบคำถามเหล่านี้ไปพร้อมกัน
• เขาเหล่านี้ กำลังประสบความสำเร็จ (หรือมีความต้องการที่จะสำเร็จ) ในระดับที่คุณเองก็คาดหวัง
ไว้เช่นกันหรือไม่ หรือเขาไม่ค่อยมุ่งมั่นเท่าใดนัก?
• เขาเป็นคนมองโลกในแง่บวกหรือลบ?
• เขาสนับสนุนความพยายามของคุณ หรือบั่นทอนกำลังใจของคุณ
• เขาช่วยส่งเสริมความสำเร็จของคุณหรือไม่? ถ้าคำตอบคือไม่ ขอให้คุณเลือกคนใหม่ เป็นคน
ที่คุณอยากใช้เวลาด้วยมากที่สุด โดยที่เขาจะมีส่วนช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้


ทำสิ่งพื้นฐานซ้ำๆ

คุณสามารถยึดเอาแนวทางปฏิบัติของคนที่ประสบความสำเร็จมาใช้กับตัวเองได้ คุณจะเห็นว่าพวก
เขามักให้ความสำคัญกับสิ่งพื้นฐานอย่างเช่น ไมเคิล จอร์แดน ผู้ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นนักบาส
เกตบอลที่ฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของโลก เขายึดถือในกฎพื้นฐาน 3 ประการในการดำรงชีวิต
• กฎข้อที่ 1 : รู้รอบในสิ่งพื้นฐาน
• กฎข้อที่ 2 : อย่าเดินทางลัด
• กฎข้อที่ 3 : เมื่อคุณใช้ทรัพยากรที่มีอยู่หมดแล้ว ให้เดินหน้าต่อไปด้วยความพยายามและหัวใจ
ที่กล้าแกร่ง

คุณจะสังเกตได้ว่า กฏข้อแรกคือการให้ความสำคัญกับสิ่งพื้นฐาน หลายคนก้าวไปถึงจุดสูงสุดของ
อาชีพและเป้าหมายของเขาได้ แต่ก็กลับเริ่มสูญเสียจุดยืนที่มั่นคง ขาดแม้กระทั่งแรงกำลังใจ
เหตุผลก็เพราะเขาหลงลืมหรือหยุดทำสิ่งพื้นฐานเหมือนตอนแรกเริ่มที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

“ผมประหลาดใจเล็กน้อย ที่บ่อยครั้ง ผมได้คุยกับผู้แทนจำหน่ายที่ประสบความสำเร็จและได้ยินเขาพูดว่าในทุกวันเขากลับไปอ่านหนังสือเล่มเดิมที่เคยอ่าน ฟังเทปม้วนเดิม ทบทวนบทเรียนเดิม หรือพูดง่ายๆ ว่าเขากลับไปทำสิ่งพื้นฐานนั่นเอง” – ทรูแมน ฮันท์

SET GOALS : Set Your Target

ตั้งเป้าหมาย

ตั้งเป้าหมายของคุณเอง

SET GOALS : Set Your Target

_______________________________________________________________________________



จงคาดหวังที่จะสำเร็จ


เวลาคนที่ประสบความสำเร็จ ที่ยิ่งใหญ่ตั้งเป้าหมายของตัวเอง พวกเขาจะตั้งพร้อมกับความคาดหวังว่า เขาจะทำได้อย่างแน่นอน นักชกชื่อดังอย่าง โมฮัมหมัด อาลี ไม่เคยพูดว่า “ถ้าผมชนะ” เขาพูด
แต่คำว่า “เมื่อผมชนะ”

เป้าหมายสูงสุด


สละเวลาสักนิด เพื่อ ทบทวนหัวข้อ ความฝัน ที่คุณเพิ่งจะทำแบบฝึกหัดในหมวดที่ผ่านมาแล้ว จัดลำดับ
ความสำคัญของเป้าหมาย 3 อันดับแรก ที่คุณคาดหวังให้เกิดขึ้นมากที่สุด และนั่นจะเป็นปัจจัย สำคัญที่ทำให้คุณทำสำเร็จได้ จงเขียนเป้าหมาย 3 ข้อนี้ลงไป และจำไว้เสมอว่า เป้าหมายต้องเฉพาะ เจาะจง ต้องมีกำหนดเวลา และต้องวัดผลได้ เพื่อที่คุณจะทราบได้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณไปถึงเป้าหมาย แล้วที่สำคัญ ขณะที่คุณกำลังตั้งเป้าหมายอยู่นี้ ขอให้ปลูกฝังความเชื่อที่ว่า คุณจะทำสำเร็จได้ ให้คาดหวังในชัยชนะและระลึกไว้ว่า คุณมีทางเลือกทางเดียวเท่านั้น คือความสำเร็จ

เป้าหมายที่ 1 : __________________________________________________________________
เป้าหมายที่ 2 : __________________________________________________________________
เป้าหมายที่ 3 : __________________________________________________________________

ปราศจากความลังเล

ในโลกนี้ มีทั้งการตัดสินใจ และการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ซึ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ทราบดีว่า
การตัดสินใจอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อใด

คำว่า “Decision” มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า incision แปลว่าตัดออกไป ดังนั้น เมื่อคุณต้อง
ตัดสินใจอย่างแท้จริงหรือมุ่งมั่นที่จะทำ 100% นั่นหมายถึงคุณกำลังตัดตัวเองออกมาจากสิ่งอื่นๆ
กล่าวคือ คุณสร้างทางเลือกทางเดียวให้ตัวเอง ยกตัวอย่าง คุณขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับสวม
ชุดร่มชูชีพ เพราะคุณได้ตัดสินใจไว้ก่อนแล้วว่า คุณจะกระโดดร่ม แต่เมื่อคุณได้กระโดดออกจาก
ประตูเครื่องบิน ด้วยความสูง 32,000 ฟุต นั่นถือว่าคุณได้ทำการ “ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว”
คุณจะต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะเดินทางไปสู่เป้าหมายไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม เพราะการตัดสินใจ
ของคุณในตอนนี้กำลังเปลี่ยนชีวิตของคุณในอนาคต ยิ่งคุณตัดสินใจแน่วแน่ได้มากเท่าใด คุณก็ยิ่ง
เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นและเร็วขึ้นเท่านั้น

อย่าใส่ใจกับคำวิจารณ์

ขณะที่คุณตั้งเป้าหมายและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพิชิตมันให้ได้ แน่นอน คุณจะต้องพบกับคำ
วิพากษ์วิจารณ์ระหว่างทาง สิ่งเหล่านี้คือความกลัวของผู้อื่นที่เขานำมาใส่ในความคิดของคุณ ขอให้
ระลึกไว้ว่าความคิดในแง่ลบเหล่านี้ เป็นเพียงตัวอย่างของสิ่งที่ไม่น่ารื่นรมย์เท่านั้น ขอให้คุณวางเฉย
และไม่ต้องไปใส่ใจกับมัน อย่าปล่อยให้มันมาขัดขวางทางเดินของคุณ

ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

“ไม่มีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ครั้งใดที่คนเราจะทำมันได้อย่างเงียบๆ ทุกคนที่ได้ครอบครองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ล้วนต้อง เคยเดินผ่านกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือได้รับคำแนะนำมาด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ คนๆ นั้นต้องรู้วิธี จัดการกับสิ่งเหล่านั้น ในมุมหนึ่ง คุณควรจะต้องเลือกเฟ้นแต่คำวิจารณ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่อีกมุมหนึ่ง คุณต้องมองเห็นข้อดีซึ่งอาจไม่ได้แสดงออกมาโดยตรง แต่แฝงไว้ในคำพูดแง่ลบเหล่านั้น จากนั้น คุณต้องค้น หาความกล้าในตัวเองที่จะเดินไปสู่เป้าหมายอย่างเงียบๆ ดั่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก” - สตีฟ ลันด์

DREAM : ถีบจักรยานหรือขับเครื่องบินเจ็ท





ถีบจักรยาน หรือ ขับเครื่องบินเจ็ท



เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร คุณจำเป็นต้องทราบเหตุผลว่า ทำไมคุณ
ถึงต้องการมัน (Why) เหตุผลนี้จะเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่จะนำพาคุณไปยังจุดหมาย และกระตุ้นให้คุณ
รู้สึกอยากทำให้ได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จทุกคนต้องมี เหตุผล (Why) ของคุณจะต้อง
ชัดเจนที่สุด เพราะมันคือวัตถุประสงค์ของการทำให้คุณวิ่งไล่ตามความฝันนั้น ยิ่งคุณได้พลังมาก
เท่าไหร่ คุณจะยิ่งมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้นเท่านั้น ลองจินตนาการว่าคุณมีทางเลือกระหว่างขี่จักรยาน
กับนั่งเครื่องบินเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย คุณจะเลือกอย่างใด ถ้าคุณต้องการจะไปถึงให้เร็ว คุณคงจะ
เลือกเครื่องบินมากกว่า ประเด็นนี้ก็เช่นเดียวกัน เหตุผล (Why) ของคุณจะเป็นแรงขับเคลื่อนตัวคุณ
เอง ถ้าคุณไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน หรือไม่มีความปรารถนาที่เป็นแรงคอยกระตุ้นเลย คุณจะรู้สึกเสมือน
ว่าคุณกำลังถีบจักรยานไปยังจุดหมาย แต่ถ้าคุณสละเวลาสักนิดเพื่อพิจารณาเหตุผล (Why)
ว่าทำไมคุณถึงต้องการสิ่งนั้น และค้นพบแรงกระตุ้นที่แท้จริงในตัวคุณ คุณจะมีพลังขับเคลื่อน
เหมือนเครื่องบินเจ็ทพุ่งไปยังฝันและเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น การจะค้นหาเหตุผล (Why)
ของตัวเองให้ได้นั้น ให้คุณลองหลับตาและจินตนาการภาพว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณพิชิต
เป้าหมายหรือความฝันได้สำเร็จ ถามตัวเองว่าทำไม สิ่งนี้จึงสำคัญต่อตัวคุณและครอบครัว


สละเวลาสักนิด เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบว่า คุณกำลังทำเพื่ออะไร และทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ
กับคุณ เมื่อคุณมีคำตอบแล้ว ให้เขียนมันลงบนกระดาษ และแปะไว้ในที่ที่คุณมองเห็นได้ทุกวัน
เสมือนเป็นเครื่องเตือนใจว่าคุณกำลังทำเพื่ออะไรอยู่

ลดค่าหรือทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น


การที่จะทำให้ชีวิตของคุณสมบูรณ์แบบ คุณต้องมีความฝันที่สอดคล้องกับคุณค่าของตัวเอง คุณค่า
นั้นคืออะไร คุณค่าคือความเชื่อที่หล่อหลอมขึ้นมาเป็นตัวตนของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณอาจเชื่อว่า
ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้น ความฝันของคุณคือการทำให้ทุกคนในครอบครัวอยู่ดีมีสุข ด้วย
เหตุผลนี้ คุณต้องมั่นใจว่าความฝันและเป้าหมายของคุณเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณค่าของคุณ ที่สำคัญ
มันต้องเป็นส่วนหนึ่งและส่งเสริมคุณค่าในตัวคุณมากขึ้นด้วย

การประเมินคุณค่าในตัวเอง


ขอให้คุณใช้เวลาเขียนคุณค่าของตัวเองตามหัวข้อดังต่อไปนี้

ชีวิตสมรส :_______________________________________________________________________

บุตร :____________________________________________________________________________

จิตวิญญาณ :______________________________________________________________________

การเงิน :_________________________________________________________________________

สังคมหรือชุมชน :__________________________________________________________________

ศีลธรรม :_________________________________________________________________________


ลองเปรียบเทียบคุณค่าเหล่านี้กับความฝัน ของคุณ ถ้า ถ้า  คุณ สามารถทำฝัน ให้เป็นจริงได้ คุณค่าเหล่านี้ จะะลดลงหรือไม่ ถ้าคำตอบของคุณคือ “ใช่” ให้คุณปรับความฝันนั้นใหม่ให้สอดคล้องกับคุณค่าของคุณ การทำเช่นนี้จะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น และคำว่า “ความสำเร็จ” ของคุณจะยิ่งใหญ่มากขึ้นเป็น เท่าทวีคูณอีกด้วย

เพาะบ่มจิตใจของคุณ


การกระทำทุกอย่างของเราเกิดขึ้นจากความคิด ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยให้เราทำความฝัน
ให้เป็นจริงได้ คือการคิดเรื่องความฝันอยู่เสมอ ขอให้คิดแต่เรื่องบวก เพราะมันจะเป็นพลังที่มีผล
ต่อ ความสำเร็จ ของคุณ ในระยะยาว และคุณ จะเดินหน้า ทำตามความคิด ที่มีอิทพลมากที่สุด ในทาง
กลับกัน ถ้าความคิดของคุณมีแต่ความกลัว คุณจะล้มเหลวในที่สุด ดังนั้น ขอให้คุณเพาะบ่มภาพ
ความฝันลงในจิตใจของคุณอยู่เสมอ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จได้จริง

เปลี่ยนแปลงวิธีคิด


หัวข้อด้านล่างนี้ประกอบไปด้วยคำที่มีแต่ความหมายลบ และแสดงความคิดของคนที่ยอมแพ้กลางคัน
ตอนนี้ ขอให้คุณช่วยแก้ไขความคิดลบๆ เหล่านี้ให้เป็นบวกแทน ตัวอย่าง แทนที่จะพูดว่า
“ฉันทำไม่ได้” ให้แก้ไขใหม่เป็น “ฉันทำได้” ถ้าการเปลี่ยนคำว่า “ทำไม่ได้” เป็น “ทำได้”

นั้นดูจะเกินจริงเกินไปในตอนนี้ (ในบางกรณี ก็ไม่เป็นไร) ให้คุณเริ่มต้นพูดว่า “ฉันแค่ยังทำไม่มาก
พอในตอนนี้” นั่นก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดบวกที่จะนำคุณไปในทางที่ถูกแล้ว

“ฉันไม่มีทางประสบความสำเร็จได้” แก้เป็น____________________________________________

“ฉันทำอะไรก็ไม่ถูกไม่ดี” แก้เป็น_____________________________________________________

“ฉันไม่มีเงิน” แก้เป็น______________________________________________________________

“ฉันไม่ฉลาดพอ” แก้เป็น___________________________________________________________

“ฉันมีบุคลิกภาพไม่ดี” แก้เป็น_______________________________________________________

“เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก” แก้เป็น____________________________________________

“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันทำล้มเหลว” แก้เป็น____________________________________________

“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันทำผิดพลาด” แก้เป็น____________________________________________

“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันทำตัวเองขายหน้า” แก้เป็น_______________________________________


ข้อคิดฝากไว้
เริ่มต้นด้วยการฝัน จากนั้นคุณต้องมีความเชื่อว่ามันจะเป็นจริงได้ แต่ควรต้องแน่ใจว่าความฝันนั้น
สอดคล้องกับคุณค่าของคุณ และจดจ่ออยู่กับมัน จงเชื่อมั่นในตัวเองและปลูกฝังแต่ความคิดบวก
เชื่อว่าให้คุณทำสำเร็จได้ และเชื่อว่าคุณทำฝันให้เป็นจริงได้

สรุปหัวข้อเรื่องความฝัน


• ทำแบบทดสอบเรื่องผู้โดยสารกับคนขับรถ
• สร้างความฝันด้วยการตอบคำถามสำคัญ
• สร้างกระดานความฝันและวางไว้ในที่ๆ คุณมองเห็นได้บ่อยๆ
• ชัดเจนกับเหตุผลที่ทำธุรกิจ หรือ “WHY” ของคุณ
• ทำแบบประเมินคุณค่าของตัวเอง
• ทำแบบฝึกหัดหัวข้อ การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

DREAM : สร้างความฝัน ให้เป็นแผนที่ของชีวิต


Mind Map

สร้างความฝัน ให้เป็นแผนที่ของชีวิต


          มาสร้างความฝัน และทำมันให้คงอยู่ตลอดไป ด้วยการเขียนลงบนกระดาษ ขั้นแรก ต้องหาที่เงียบ ๆ ที่คุณสามารถใช้สมาธิได้อย่างเต็มที่ และตอบคำถามดังต่อไปนี้ เขียนคำตอบของคุณลงไป เพื่อที่คุณ
จะได้ทบทวนคำตอบเหล่านี้อีกครั้งในวันข้างหน้า ขอให้ระลึกไว้ว่า คุณต้องเขียนคำตอบที่พร่างพรู
ออกมาจากสมองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าเพิ่งคิดเรื่องความเป็นไปได้ในตอนนี้ เราแค่ต้องการ
ให้คุณถ่ายทอดความคิดลงบนแผ่นกระดาษ นี่เป็นความฝันของคุณเอง ฉะนั้นคุณต้องใส่ทุกอย่าง
ลงมาให้หมด

1. อะไรบ้างที่ทำให้คุณตื่นเต้นได้เสมอ?

2. ความฝันของคุณคืออะไร?

3. คุณอยากได้อะไร และสถานที่ใดบ้างที่คุณอยากไป?

4. อะไรบ้างที่คุณอยากทำในชีวิตนี้?

5. ใครที่คุณอยากใช้เวลาอยู่กับเขา?

ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

“ความชัดเจน หมายถึงการกลั่นกรองวิสัยทัศน์ และความหวังในอนาคตของคุณให้เกิดความจำเพาะเจาะจง มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งคุณทำให้มองเห็นมันได้ชัดเจนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีแนวโน้มว่าคุณจะเดินไปถึงจุดนั้นได้มากขึ้นเท่านั้น” – สตีฟ ลันด์


รูปภาพหนึ่งๆ ล้วนมีคุณค่า


ในแบบฝึกหัดนี้ คุณจะต้องทำกระดานความฝันของตัวเอง ด้วยการหารูปถ่ายหรือรูปภาพ ที่เกี่ยวกับ

ความฝันของคุณจากนิตยสารหรือที่อื่นๆ ยกตัวอย่าง ถ้าคุณฝันอยากได้บ้าน ได้รถยนต์ หรือ
ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในช่วงวันหยุด อาจจะเป็นกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่คุณอยากมีส่วนร่วมด้วย ให้
หารูปภาพที่แสดงถึงสิ่งเหล่านั้น แปะมันลงบนกระดาน หรือในสมุดส่วนตัว ขณะที่คุณกำลังทำ
กระดานความฝันอยู่นี้ ขอให้คุณพยายามสร้างความจำเพาะเจาะจง ตื่นเต้นกับมัน และคาดหวังว่า
สิ่งที่ฝันไว้จะต้องเป็นจริงได้เมื่อคุณตั้งใจลงมือทำ

เมื่อคุณทำกระดานความฝันของตัวเองเสร็จแล้ว ขอให้คุณดูหรืออ่านข้อความบนนั้นอยู่เสมอ เพื่อ
ที่คุณจะได้ซึมซับและจดจ่ออยู่กับความฝันนั้น จำไว้เสมอว่า คุณเริ่มเข้าใกล้สิ่งที่คุณฝันไว้แล้ว และ
ถ้าคุณมุ่งมั่นกับมัน คุณจะได้รับโอกาสต่างๆ ที่จะนำพาคุณเข้าไปถึงความฝันนั้นจริงๆ

DREAM : จุดประกายความฝัน



จุดประกายความฝัน


คุณเห็นตัวเองเป็นอย่างไรในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้าต่อจากนี้? อะไรเป็นแรงบันดาลใจของคุณ?
จริงๆ แล้วคุณอยากได้อะไรในชีวิต?

มีคนหลายคนอาจตั้งคำถามว่า “ความฝันคืออะไร?” จริงๆ แล้ว ความฝันคือเมล็ดพันธุ์ที่ทำให้
เป้าหมายเจริญเติบโต ถ้าคุณไม่เพาะมัน ก็เก็บเกี่ยวมันไม่ได้ ความฝันเป็นจุดเริ่มต้นของปลายทาง
ที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งการเริ่มต้นนี้ต้องเริ่มจากความคิดง่ายๆ และเติบโตขึ้นเป็นแนวความคิดมากมาย แล้ว
จึงพัฒนาต่อไปเป็นแนวความคิดที่ละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งนั่นเองจะหลอมรวมกันเป็นสิ่งที่เรียกว่า
ความฝันในที่สุด



ข้อคิดสู่ความสำเร็จ

ข้อสำคัญข้อหนึ่งในสูตรแห่งความสำเร็จ คือคุณจะต้องทราบว่าคุณต้องการอะไร ผมเชื่อว่ามนุษย์จะได้รับ
สิ่งที่เขาควรได้ และเขาก็จะได้สิ่งที่เขาต้องการ ส่วนอุปสรรคของความสำเร็จคือ การที่เขาไม่เคยใช้เวลานั่ง
ค้นหาว่าสิ่งที่เขาต้องการเหล่านั้นคืออะไร? คุณอยากให้ชีวิตคุณอยู่เพื่ออะไร? คุณอยากประสบความสำเร็จ
ในเรื่องใด? – สตีฟ ลันด์

DREAM : Imagine A New Reality

เรื่องความฝัน 

จินตนาการภาพความเป็นจริงภาพใหม่

DREAM : Imagine A New Reality

________________________________________________________________________

Make Dream Come True


“อันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเรา ไม่ใช่การตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไปจนเราทำไม่สำเร็จ แต่เป็นการตั้งเป้าหมายที่ต่ำเกินไป จนเอื้อมถึงได้ง่ายต่างหาก” - ไมเคิล แองเจลโล



คุณเป็นผู้โดยสารหรือเป็นคนขับรถ?


คุณอาจทราบดีอยู่แล้วว่า ชีวิตคือการเดินทาง และในอีก 5, 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าจากนี้ คุณจะเดินทางไปถึงจุดใดจุดหนึ่ง คำถามคือ จุดนั้นคือที่ใด ถ้าชีวิตเป็นยานพานะที่จะนำคุณไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง คุณจะเป็นผู้โดยสารหรือเป็นคนขับรถ

ขอให้ลองทำแบบทดสอบนี้ คุณมีคุณสมบัติเหมาะสมกับข้อใด?

คุณสมบัติของผู้โดยสาร

• ไม่มีเป้าหมายที่เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
• ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลา มากกว่าเรื่องผลลัพธ์
• ชอบบ่นไม่พอใจเรื่องสถานการณ์รอบตัวที่กำลังประสบ
• สนใจแต่กับเรื่องข้อผิดพลาด

คุณสมบัติของคนขับรถ

• มีการเขียนเป้าหมายที่เป็นจริงได้ เป็นลายลักษณ์อักษร
• ให้ความสำคัญเรื่องผลลัพธ์ โดยไม่คำนึงถึงเวลาที่ต้องใช้ไปเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา
• วางแผนและลงมือทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวนกระแสกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือทำให้ดีกว่า
สถานการณ์ปัจจุบัน
• ให้ความสำคัญในสิ่งที่ดำเนินไปตามครรลองที่ถูกต้อง โดยไม่คำนึงถึงแต่ข้อผิดพลาด

แล้วคุณเห็นตัวเองบ้างแล้วหรือยัง? คุณจะเป็นคนขับรถหรือเป็นผู้โดยสาร? ถ้าคุณเป็นผู้โดยสาร
คุณอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง เพื่อให้เดินเข้าใกล้เป้าหมายได้มากขึ้น ผู้โดยสาร
คือคนที่พูดเรื่องเป้าหมายอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยตั้งเป้าหมายอย่างจริงจังหรือชัดเจนเลย เขาจะกังวล
ถึงสถานการณ์รอบตัวมากเกินไป โดยไม่ใช้มันมาเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขใหม่ในอนาคต ผู้โดยสาร
มักจะคิดว่าชีวิตมีแต่อุปสรรค ซึ่งทำให้เขามองโลกในแง่ลบอยู่บ่อยครั้ง

ในทางกลับกัน ถ้าคุณเป็นคนขับรถ คุณจะมีความรับผิดชอบต่ออนาคตของตัวเอง และเห็นตัวเอง
ชัดเจนว่าคุณอยากเดินไปถึงจุดไหน จงเขียนเป้าหมายของตัวเอง อย่าให้อะไรมาหยุดยั้งคุณในการ
พิชิตเป้าหมาย ขอเพียงคุณมีทัศนคติที่ถูกต้อง นั่นย่อมช่วยให้คุณอยู่ในบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ
ได้อย่างแน่นอน




ไขประตู สู่จิต มหาเศรษฐี ด้วยกุญแจ 27 ดอก โดย T. Harv Eker

T. Harv Eker

ไขประตู...สู่จิต มหาเศรษฐี ด้วยกุญแจ 27 ดอก.....โดย T. Harv Eker… Secret of the Millionaire Mind



กุญแจดอกที่ #1 "การเติบโตของสถาณะทางการเงินของคุณ...เป็นก้าวที่ควบคู่ ไปกับ...การเติบโตของชีวิต และจิตใจ ของตัวคุณ" 
กุญแจดอกที่ #2 "ถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนผลไม้, ต้องเปลี่ยนที่รากของต้นผลไม้นั้น........ถ้าคุณต้องจะปลี่ยนสิ่งที่มองเห็นในตัวคุณเอง, ต้องเริ่มเปลี่ยน จากสิ่งที่มองไม่เห็น ในตัวคุณก่อน"
กุญแจดอกที่ #3 "เงิน เป็นผลลัพธ์, สุขภาพ เป็นผลลัพธ์, น้ำหนักตัวเป็นผลลัพธ์...เราอยู่บนโลกแห่ง สาเหตุและ ผลกระทบ"
กุญแจดอกที่ #4 "ความคิดไตร่ตรอง นำไปสู่ความรู้สึก...ความรู้สึก นำไปสู่การลงมือทำ...การลงมือทำ นำไปสู่ผลลัพธ์"
กุญแจดอกที่ #5 "ถ้าจิตใต้สำนึก ต้องเลือก ระหว่าง อารมณ์ความรู้สึกส่วนลึก กับ ตรรกะ.....อารมณ์จะถูกเลือกเสมอ"
กุญแจดอกที่ #6 "หากแรงขับเคลื่อนสู่ความร่ำรวยและสำเร็จ ของคุณ มาจากรากเหง้า แห่งจิตสำนึกทางลบ เช่น ความกลัว, ความโกรธ, ความต้องการพิสูจน์อีโก้ของตนเอง...เช่นนั้น เงินก็ไม่สามารถ สร้างความสุข ให้กับคุณ"
กุญแจดอกที่ #7 "จิตสำนึก จะสังเกตุความคิดใคร่ครวญและการกระทำของคุณ, ดังนั้น ในทุกขณะคุณจึงสามารถเลือกที่จะมีชีวิตในแบบที่คุณเลือก..และ จะการเลือก จะไม่ถูกขับเคลื่อนด้วย บันทึกเหตุการณ์ในอดีต ที่จิตใต้สำนึกคุณบันทึกไว้"
กุญแจดอกที่ #8 "คนรวย เชื่อมั่นว่า เขาสร้างชีวิตของเขาเอง คนจน เชื่อว่า บางสิ่งเกิดขึ้นกับชีวิตเขาเอง"
กุญแจดอกที่ #9 "คนรวย เล่นเกมส์การเงินแห่งชีวิต เพื่อชนะ คนจน เล่น เพื่อไม่แพ้"
กุญแจดอกที่ #10 "คนรวย สังคมในหมู่คนที่คิดบวก และประสบความสำเร็จ, คนจน สังคมกันในหมู่คนคิดลบ และไม่ประสบความสำเร็จ"...
กุญแจดอกที่ #11 "คนรวย รู้จักที่จะโปรโมทผลงาน และคุณค่าของตนเอง, คนจนคิดในแง่ลบเกี่ยวกับ การขายและการโปรโมท"
กุญแจดอกที่ #12 "คนรวย คิด"ทั้งคู่"คนจน คิด"แต่ละ/หรือ""
กุญแจดอกที่ #13 "คนรวย บริหารเรื่องเงินได้เป็นอย่างดี คนจนไม่มีทักษะการบริหารเงิน"
กุญแจดอกที่ #14 "คนรวย หาวิธีให้เงินทำงานหนัก เพื่อตน ในขณะที่คนจน ทำงานหนักเพื่อเงิน"
กุญแจดอกที่ #15 "คนรวย เรียนรู้และเติบโต ตลอดเวลา คนจน เชื่อว่า เขารู้แล้ว"
กุญแจดอกที่ #16 "เกมส์ออก มือเปล่าเป็น เหมือนกับอาชญากรรมความร่ำรวย"
กุญแจดอกที่ #17 "เงิน ก็แค่ทำให้คุณมีสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว ให้มีมากขึ้น เท่านั้น"
กุญแจดอกที่ #18 "โฟกัสไปยัง จุดมุ่งหมายสูงสุด..แต่เคลื่อนไปข้างหน้าตามเป้าหมาย"
กุญแจดอกที่ #19 "การมีชีวิตของเราก็เป็นไปเพื่อ เพิ่มคุณค่าให้กับมนุษยชาติ ทั้งเจเนอเนชั่นนี้ และเจเนอเรชั่นต่อๆไป"
กุญแจดอกที่ #20 "ถ้าแรงกระตุ้นในชีวิตของคุณในการได้เงินและความสำเร็จ มาจากรากที่ไม่สมบูรณ์ เช่น ความกลัว ความโกรธ ความต้องการเอาชนะ, ผลลัพธ์คือเงิน และความสำเร็จที่ได้ จะไม่นำความสุขมาสู่ชีวิต"
กุญแจดอกที่ #21 "งานของคุณ คือ การตัดสินใจ สิ่งต่างๆที่คุณ ประสบพบพานในชีวิต"
กุญแจดอกที่ #22 "สาเหตุแรกเลย ที่ทำให้คน ไม่สามารถได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ...เพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่"
กุญแจดอกที่ #23 "ความลับอันยิ่งใหญ่ในการประสบความสำเร็จ..ไม่ใช่การหลีกเลี่ยง, กำจัด, หรือหนีจากปัญหาของตัวเอง....แต่!!เป็นการสร้างตัวเองใหญ่ และใหญ่ขึ้นไป กว่าปัญหานั้นๆ"
กุญแจดอกที่ #24 "นิสัยการบริหารเงิน สำคัญมากกว่า จำนวนตัวเลขที่มี"
กุญแจดอกที่ #25 "เมื่อคุณรู้สึกไม่มั่นคง รู้มั๊ยเพราะอะไร? คนอื่นๆที่เหลือในโลกก็รู้สึกเช่นเดียวกัน, อย่าให้เครดิตคู่แข่งสูงเกินไป และอย่าดูถูกตัวเองมากเกินไป, คุณมีดี มากกว่าที่คุณคิด"
กุญแจดอกที่ #26 "ถ้าคุณอยากจะลงมือทำแต่อไรง่ายๆ, เมื่อนั้นชีวิตจะเป็นเรื่องยาก...เมื่อคุณต้องการจะลงมือทำทั้งเรื่องยากเรื่องง่าย, เมื่อนั้นชีวิติจะเป็นของง่าย"
กุญแจดอกที่ #27 "ทักษะที่สำคัญที่สุดที่จะนำความสุข และความสำเร็จ มาให้, คือ การฝึกฝน และบริหารจัดการจิตใจของตัวคุณเอง"

*****************************

กุญแจไขความลับ สู่จิตมหาเศรษฐี ได้อยู่ในมือของคุณแล้ว…. ที่สุด อยู่ที่คุณเลือก และ ฝึกฝนจิตตน ให้เป็นจิตมหาเศรษฐี หรือไม่ แล้วเจอกัน ที่ด้านใน ของประตูบานสุดท้าย

**************************************

แปลและเรียบเรียงโดย FB Page ; PassiveIncomeCoach

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

มวยคู่หยุดโลก! “ความรวย" ปะทะ “อิสรภาพทางการเงิน”

พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ 

มวยคู่หยุดโลก! “ความรวย" ปะทะ “อิสรภาพทางการเงิน”

#จากหนังสือ "เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร"

ผู้เขียน "พอล" ภัทรพล ศิลปาจารย์

นิยาม “ความรวย” ในแบบของผมก็คือ มีเงิน มาก แต่ไม่กล้าใช้/กังวล เพราะกลัวพร่อง “รวย” ก็คือการมี Active Income มากกว่า ไลฟ์สไตล์ ซึ่งแน่นอนขั้นแรกใครๆ ก็อยากรวยด้วย กันทั้งนั้นแต่ “อิสรภาพทางการเงิน” มันเหนือชั้นกว่า นั้น เพราะมันคือการใช้เงินได้แบบไร้กังวลตลอดไป เพราะฉะนั้น “อิสรภาพทางการเงิน” ก็คือ การที่เรามี Passive Income มากกว่าไลฟ์สไตล์ สองอย่างนี้จึงต่างกันที่ Quality หรือประเภทของ เงินนั่นเองครับ

ทุกวันนี้เราใช้มือถือยี่ห้อธรรมดาๆ แค่รับสายกับโทรออกได้ก็พอแล้ว แต่เราก็ใช้ไอโฟน ขับวีออสก็ไปถึงที่หมาย แต่เราก็เลือกขับเบนซ์ ก็เพราะมันคือไลฟ์สไตล์ไงครับ แต่เราจะซื้ออะไรมันก็ต้องอยู่ในงบประมาณการใช้จ่ายว่าอยู่ในระดับไหน ซึ่งผมเรียกมันว่า “ไลฟ์สไตล์” ผมอยากให้คุณลองจดรายการที่คุณต้องใช้มาทั้งชีวิตว่ามีอะไรบ้าง เช่น ค่ากิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้พ่อให้แม่เท่าไหร่ จดมาว่ารวมๆ แล้วต่อเดือนเท่าไหร่

บางคนอาจจะได้รายจ่ายออกมา 9 แสนบาท โดยที่มีรายรับ 1 ล้านบาท สรุปว่าเหลือเงิน 1 แสนบาท ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้วครับ

แต่ผมถามต่อว่าแล้วเดือนหน้าจะต้องเก็บเงินอีกมั้ย แล้วปีหน้าล่ะ? 5 ปีข้างหน้าล่ะ? 10 ปี? 30 ปี? คำตอบก็คือ ยังไงก็ต้องเก็บ เพราะว่ามันหยุดไม่ได้ ชีวิตแบบนี้จึงหยุดไม่ได้ทั้งกายทั้งใจ

ผมเคยเจอคนที่มีเงิน 50 ล้านบาท บางคนบอกว่ามีขนาดนั้นน่าจะหยุดได้แล้ว แต่เค้าคนนี้ก็ยังทำงานต่อ ถามว่าทำไม? คำตอบก็คือ ทุกคนมี“จุดอุ่นใจ” เช่น สมมติว่าคนนี้มีจุดอุ่นใจว่า ถ้าเขามีเงินเก็บ 50 ล้านบาทเขาจะรู้สึกว่าปลอดภัย

ปรากฏว่าผ่านไปไม่ถึงปี ลูกมาขอเงินซื้อรถ 5 ล้านบาท ตอนนี้เขาก็มีเงินเหลือ 45 ล้านบาท เดือนถัดมาลูกอีกคนมาขอเบ๊นซ์อีกคัน เลยเหลือเงิน 40 ล้านบาท มาถึงตรงนี้คนเป็นพ่อก็จะเริ่มไม่อุ่นใจ พอไม่อุ่นใจแล้วทำไง? ก็ต้องหาเงินเพิ่ม กลายเป็นว่าไม่มีวันหยุด หยุดไม่ได้

จุดอุ่นใจของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคน 10 ล้านก็อุ่นใจ บางคน 50 ล้านอุ่นใจ แต่บางคนต้อง 100 ล้านถึงจะอุ่นใจ คือไม่มีใครเหมือนกันแต่ที่เหมือนกันก็คือ “ไม่มีวันหยุดหาเงินได้” ในทางตรงข้าม ถ้าคุณรู้โจทย์แล้วว่าไลฟ์สไตล์ในแบบของคุณ ต้องใช้เงินเดือนละ 9 แสนบาท แล้วคุณมี Passive Income เดือนละ 1 ล้านบาท แบบนี้สิที่เรียกว่า “หยุดได้”

เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องคิดออกมาก่อนว่า “ชีวิตที่ยอดเยี่ยมในแบบของคุณ”มันต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ บางคนเดือนละ 3 แสนบาท บางคน 5 แสนบาทก็พอแล้ว

แต่ถ้ามี Passive Income ไม่ว่าจะมากจะน้อย ความกังวลในชีวิตจะหายไป Passive Income เป็นอะไรที่ทุกคน “จำเป็น” ต้องมี ไม่ใช่แค่ควรจะมี เพราะมี Passive Income น้อย ก็เหนื่อยมาก มี Passive Income มาก ก็เหนื่อยน้อยและถ้ามีมากถึงจุดๆ หนึ่ง คุณก็จะหยุดทำงานได้ทันทีตลอดไป หยุดทั้งกายทั้งใจ

ลองนึกดูสิว่า ถ้าวันนึงคุณโชคร้ายโดนเมียแพ่นกะบาลเพราะจับได้ว่ามีกิ๊ก เลยต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวที่โรงพยาบาล แล้วโชคดีที่คุณยังมี Passive Income สมมติว่าแค่เดือนละ 10,000 บาท แต่อย่างน้อยมันก็ยังจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ แม้คุณจะไม่ได้ทำงานก็ตาม แบบนี้เครียดน้อยลงมั้ยครับ?

แล้วถ้ามี Passive Income เดือนละ 100,000 บาทล่ะ แล้วถ้าเดือนละ 1,000,000 บาทล่ะ? มีอะไรต้องเครียดมั้ย? ไม่มีทางแน่นอน (แต่จะไปเครียดอีกที ตอนออกจากโรงพยาบาลแล้วโดนเมียสอบสวน ฮ่าๆๆ)

#เพราะฉะนั้นย้ำอีกทีครับว่า
Passive Income
เป็นอะไรที่ทุกคน
“จำเป็น” ต้องมี!

Cr.Stock2morrow

10 ประโยค เปลี่ยนชีวิตของ Mark Zuckerberg

10 ประโยค เปลี่ยนชีวิตของ Mark Zuckerberg



ใครจะเชื่อจากเด็กธรรมดาๆ จะสามารถสร้างตัวเองให้กลายเป็นมหาเศรษฐี แถมยังสร้างยังสร้างอาณาจักรที่สุดแสนจะใหญ่โตของทั้งโลกขึ้นมาอีกด้วย จากจุดเริ่มต้นที่ Mark ต้องการเก็บข้อมูลรูปภาพต่างๆเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าไปดูได้ แต่มันกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ Facebook ถือกำเนิดขึ้นมา แต่การเดินทางของ Mark Zuckerberg ก็ไม่ได้เดินมาอย่างไร้จุดหมาย ไร้แนวทาง เพราะตัว Mark เองก็มีแนวทางในการดำเนินชีวิตเหมือนกัน

1.เอาชนะคนที่เคยดูถูกเราให้ได้... . โดยเฉพาะแฟนเก่า! เพราะสมัยที่เรียน Mark Zuckerberg เคยถูกแฟนทิ้ง ตอนนั้น Mark ทำตัวเละเทะมากจนถูกแฟนเก่าตราหน้าว่าไม่มีวันสำเร็จ

2.อย่าปล่อยให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักคุณดี มาทำลายจุดยืนของคุณ Mark ไม่เคยสนใจคำครหาของใครๆที่เข้ามาดูถูกเขาหรือมองว่าเขาจะทำไม่ได้

3.ทำในสิ่งที่รักและรักในสิ่งที่ทำ การทำให้สิ่งที่รักย่อมทำได้ง่ายและดีกว่าสิ่งที่ไม่ชอบเสมอ

4.ผู้นำที่ดีต้องปลุกยักษ์ที่ซ่อนอยู่ในตัวคนรอบข้างได้ ถ้าผู้นำยังไม่กล้าที่จะปลุกพลังในตัวเองออกมา อย่าไปคิดถึงลูกน้องเลยว่าจะมีมอบพลังให้กับองค์กรได้แค่ไหน

5.แสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าคุณคือผู้นำองค์กรตัวจริงผู้นำดี ลูกน้องก็อยากเดินตาม

6.ตัวคุณเก่งอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องสร้างทีมให้เก่งเหมือนคุณด้วย การทำงานถ้าหัวหน้าเก่งอยากเดียว หัวหน้าก็คงจะทำงานคนเดียวได้ แต่การทำงานทุกอย่างต้องอาศัย ทีม ถ้าทีมเก่งงานก็จะไปต่อได้ดี และได้เร็ว

7.อย่าให้ความคิดเห็นคนรอบข้างปิดประตูความคิดสร้างสรรค์ของคุณ การทำงานของ Mark Zuckerberg เริ่มมาจากความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองและเพื่อนๆ ใครจะอะไร ใครจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เขาก็ไม่สนใจ

8.อย่าเสียงานเพียงเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน ตอนที่ Mark Zuckerberg สร้าง Facebook เขาไม่ได้สร้างแค่คนเดียว เขายังคงร่วมมือสร้างกับเพื่อนๆของเขา แต่ในการทำงานทุกอย่างก็คงไม่ได้ลงรอยกัน แต่เราต้องหาตรงกลางของกันและกันเพื่อให้งานเดินต่อไปได้

9.อย่าให้ใครมาระบายสีให้ชีวิตเรา ชีวิตของเรา เราเลือกเองได้ อย่าให้ใครมาขีดเส้น หรือ ระบายสี เพื่อให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ

10.อยากประสบความสำเร็จ ต้องฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความฝันของเรา แต่อยู่ที่ว่าผันแล้วเราจะเดินไปตามความฝันนั้นของเราหรือไม่

......... 10 ประโยคของคนอื่น ก็ไม่สำคัญเท่ากับการลงมือทำของตนเอง ต่อให้คนที่เก่งที่สุด คนที่รวยที่สุด มาพูดให้ฟังต่อหน้าแต่ถ้าคุณไม่เริ่มทำยังไงสิ่งที่คุณต้องการก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างที่คุณตั้งใจไว้แน่นอน ..........